อาจารย์คริสตชนในยุคแรกแนะนำวิธีการภาวนาอันบริสุทธิ์ที่เรียบง่ายและปฏิบัติได้
ดังนี้ คือระหว่างการทำสมาธิให้ท่านเลือก
คำๆ หนึ่งหรือวลีสั้นๆ และกล่าวคำหรือวลีนั้นซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ- - -ซึ่งคำนี้เป็นที่เรียกกันว่า
มันตรา- -- ให้กล่าวคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา
ในสมองและในใจของท่านอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาการทำสมาธิ การกล่าวคำพูดซ้ำๆ
ง่ายๆนี่แหละจะช่วยนำท่านออกจาก
ความคิดไปสู่หัวใจออกจากความกระวนกระวายไปสู่ความสงบสุข ออกจากการขาดสมาธิ
(Distraction) ไปสู่ภาวะใน
ขณะปัจจุบัน (the present moment) การกล่าวคำพูดนี้จะสร้างทางแคบๆ แห่งความเงียบให้ท่านเดินตาม
ฝ่าเสียงดัง
ต่างๆ ฝ่าความวอกแวกความกระวนกระวาย และฝ่าความสับสนของความคิดต่างๆ ไป
จำไว้ว่าพระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับวิถี
ทางสู่ชีวิตว่า ทางไปสู่ชีวิตเป็นทางที่แคบ และน้อยคนที่พบทางนี้
ฉะนั้นการกล่าวคำของท่านนี้จึงเป็นหลักการฝึกปฏิบัติตนที่สำคัญ จำเป็น
และเป็นศิลป์ของการทำสมาธิ ให้ท่านนั่งลง
นั่งให้นิ่ง นั่งเงียบๆ กฎข้อแรกของท่านั่ง คือให้นั่งหลังตรง ซึ่งจะช่วยให้ท่านไม่หลับ
และตื่นตัวอยู่เสมอ จากนั้นท่านจะกล่าว
มันตรา ของท่านเบาๆ ภายในใจซ้ำไปซ้ำมา ให้กล่าวคำนี้โดยไม่ขยับริมฝีปากหรือลิ้น
การเลือกคำเป็นสิ่งสำคัญ เพราะท่านจะใช้คำเดียวนี้ตลอดช่วงเวลาการทำสมาธิและทุกครั้งที่ทำสมาธิ
ให้ทำสมาธิ
ทุกเช้าและเย็น ครั้งละประมาณครึ่งชั่วโมง และให้ใช้คำเดียวกันนี้ทุกครั้ง
การยึดมั่นในคำนี้จะช่วยให้คำนี้จมลงใน
สติสัมปชัญญะระดับลึกลงไปทีละน้อย จมลงไปสู่ใน หัวใจ โดยที่เราไม่รู้ตัว
- - - ด้วยเหตุนี้ การเลือกคำจึง
สำคัญ ท่านอาจจะใช้คำว่า เยซู ซึ่งเป็น มันตรา ที่ใช้ในภาวนาของคริสตชนในยุคโบราณหรือท่านอาจใช้คำว่า
อับบา ซึ่งเป็นคำที่งดงามที่พระเยซูเจ้าทรงทำให้ศักดิ์สิทธิ์ในบทภาวนาของพระองค์เอง
คำที่ข้าพเจ้าขอแนะนำ
และเป็นคำที่คุณพ่อยอห์น เมน แนะนำคือ มารานาธา (Maranatha)
มารานาธา เป็นคำภาวนาที่เก่าแก่ที่สุดของคริสตชนแปลว่า เชิญเสด็จมาเถิด
พระเจ้าข้า เป็นคำภาษา
อาราเมอิก ซึ่งเป็นภาษาที่พระเยซูเจ้าทรงใช้พูด นักบุญเปาโลใช้คำนี้ปิดท้ายจดหมายของท่านถึงชาวโครินธ์
ฉบับที่หนึ่ง ถ้าท่านเลือกคำนี้ จงกล่าวคำออกเป็น 4 พยางค์ คือ มา-รา-นา-ธา
และเปล่งคำนี้อย่างชัดเจน
ในใจของท่าน ฟังคำนี้เมื่อท่านเอ่ยออกมา อย่าคิดถึงความหมายของคำ การทำสมาธิ
ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ท่านจะคิด
ในระหว่างการทำสมาธิ จงปล่อยความคิดทั้งหมดออกไปแม้แต่ความคิดที่ดีหรือความเข้าใจฝ่ายจิต
(Spiritual insight) ก็ตาม ถามว่าท่านจะปลดปล่อยความคิดทั้งหลายได้อย่างไร
? ก็โดยการกลับมาหา มันตรา
ของท่านทันทีที่ท่านรู้ตัวว่าใจของท่านกำลังวอกแวกไปกับความคิดความกังวลต่างๆ
และนี่คือความหมายของ
คำว่า การฝึกปฏิบัติ ความยากจนฝ่ายจิต (Poverty in spirit) - - - หมายถึง
การปลดปล่อยหรือปล่อยวางจาก
ทุกสิ่ง (Letting go of everything) พระเยซูเจ้าตรัสว่า ผู้ที่มีใจยากจนย่อมเป็นสุข
เพราะเขาจะได้ครอบครอง
อาณาจักรของพระเจ้า วิธีที่เราฝึกปฏิบัติ ความยากจนฝ่ายจิต นี่ (- -
- หรือการปล่อยวางซึ่งเป็น อิสรภาพ
อันน่าพิศวงที่ได้รับจากความยากจนฝ่ายจิต- - -) ก็โดยการการกลับมาหาคำ
มันตรา นี้ อย่างมุ่งมั่นและอย่าง
ซื่อสัตย์ ฉะนั้นจำไว้ จงกล่าวคำ มันตรา นี้อย่างนุ่มนวลเบาๆ ไม่ต้องออกแรง
แต่ให้กล่าวอย่างซื่อสัตย์และ
ให้หันกลับมาหาคำนี้ทันทีที่ท่านรู้ตัวว่าท่านได้หยุดกล่าวคำนี้
เมื่อท่านเริ่มต้นทำสมาธิ ถ้าท่านสามารถนั่งได้สัก 2 หรือ
3 วินาที ก็ต้องนับได้ว่าท่านโชคดีมากแล้วก่อนที่
สมองท่านจะถูกรุมเร้าด้วยเรื่องในอดีต หรืออนาคต หรือเริ่มเพ้อฝันหรือฝันกลางวันหรือจินตนาการคำสนทนา
ต่างๆ หรือความกลัวหรือความกังวลใจเล็กๆ น้อยๆ จะเริ่มเข้ามาในความคิดของท่านหรือเริ่มวางแผนงาน
ที่ท่านจะทำต่อไป
ด้วยพระหรรษทานของพระเจ้า นี่คือความลี้ลับอันยิ่งใหญ่ของจิตสำนึก (Consciousness)
- - -ที่ท่านรู้ตัว
ในความจริงที่ว่าท่านกำลังขาดสมาธิเพราะใจท่านได้วอกแวกออกไป และที่ท่านรับรู้เช่นนี้ได้ก็เพราะพระจิตเจ้า
ทรงกำลังภาวนาอยู่ในตัวท่านด้วยนั่นเอง ฉะนั้นทันทีที่ท่านตระหนักว่าท่านได้หยุดกล่าว
มันตรา จงอย่าเสียเวลา
วิเคราะห์หรือรู้สึกผิด หรือคิดว่าตนเองล้มเหลวในการทำสมาธิ แต่จงหันกลับมาเริ่มต้นกล่าว
มันตรา อีกครั้งหนึ่ง
ด้วยวิธีนี้เราจะปรับตัวตนส่วนลึกที่สุดของเราให้เคลื่อนไหวอย่างสอดคล้องกับพระจิตเจ้า
ดังนั้น จงหยุดคิดประเมิน
ถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการทำสมาธิ เป็นธรรมดาที่ อัตตา ของท่านจะบอกท่านว่า
เธอทำไม่ได้เรื่อยเลย เสียเวลาเปล่าๆ เธอไม่มีความสามารถที่จะทำสมาธิได้ดีหรอก
ลองวิธีอื่นที่จะทำให้เธอมี
ความพอใจได้มากกว่านี้ดีกว่า อะไรก็ได้ที่จะให้ความรู้สึกสาสมแก่ใจได้เร็วกว่านี้ได้
เมื่อท่านได้ยินเสียง อัตตา
เช่นนี้ จงขับไล่มันไปเสีย - - - ไปเสียเถิด อย่ามายุ่งกับฉัน
ดังนั้นจงพยายามตัดขาดจากการยึดติดอยู่กับเรื่องความล้มเหลวหรือความสำเร็จ
เพราะการยึดติดอยู่กับเรื่องความ
ล้มเหลวหรือความสำเร็จนั้น มันเป็นปัญหาของเรื่อง อัตตา (Ego) ของเราทันทีที่รู้ตัวว่าท่านได้หยุดกล่าว
มันตรา ท่านไม่ต้องเสียเวลาประเมินผลงานของท่านว่าท่านทำได้ดีแค่ไหน
ท่านเพียงแต่ มันตรา ด้วย
ความซื่อสัตย์และเรียบง่าย (Simplicity) และความสุภาพถ่อมตน
(Humility) เหมือนเด็กการฝึกวินัยเช่นนี้ จะสอนท่านโดยตรงถึงความหมายของพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ว่า
ถ้าท่านไม่กลายเป็นเด็กเล็กๆท่านจะไม่
สามารถเข้าพระอาณาจักรของพระเจ้าได้ บางครั้งคนจะมองหาวิธีทำสมาธิที่สลับซับซ้อน
แต่แท้จริงแล้ว
วิธีปฏิบัติที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย (Simplicity) นี่แหละที่ความล้ำลึกของการดำรงอยู่จะเผยให้เห็น
ถ้าท่านกำลังคาดหวังหรือมองหาประสบการณ์ที่ลึกลับจากการทำสมาธิละก็
จงอย่าคิดหรือมองหาว่าจะมีอะไรเกิด
ขึ้น คุณพ่อยอห์นเมนเคยบอกว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ก็อย่าไปสนใจมัน และถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ก็ควรจะรู้สึก
ขอบคุณ ที่จริงแล้ว มีความล้ำลึกซ่อนอยู่ในคำพูดนี้ ทันทีที่ท่านฝึกปฏิบัติสมาธิ
- - -ด้วยวิธีที่บริสุทธิ์และ
เรียบง่ายนี้ (Simplicity) - - - ความลึกลับอันยิ่งใหญ่ของการดำรงอยู่จะเผยให้เห็น
ดังนั้น คำสอนขั้นต้นก็คือ
ความซื่อสัตย์และเรียบง่าย นั่นเอง ไม่ว่าท่านจะฝึกมาแล้วเป็นปีๆ หรือฝึกๆ
หยุดๆ หรือเพิ่งเริ่มฝึกเราทุกคน
กำลังเริ่มต้นที่จุดเดียวกัน เราทุกคนเป็นผู้เริ่มต้น เราทุกคนอยู่ที่นี่
(HERE) ณ เวลานี้ (NOW)
เราทุกคนกำลังเริ่มต้นก้าวไปบนเส้นทางเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง